เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมฉลากโภชนาการบนผลิตภัณฑ์อาหารถึงมีข้อมูลเยอะแยะขนาดนั้น? ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 445 พ.ศ. 2566 ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ได้มีการกำหนดเกี่ยวกับการระบุข้อมูลบนฉลากโภชนาการให้เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจนมากขึ้น
ประกาศฉบับนี้เน้นให้ผู้ผลิตอาหารต้องแสดงข้อมูลสำคัญบนฉลากโภชนาการ เช่น ปริมาณพลังงาน โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และปริมาณน้ำตาล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรดูให้ละเอียด เพราะมันช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในการเลือกอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่หรือสารอาหารที่ต้องการ
ข้อกำหนดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ หนึ่งในข้อกำหนดที่เพิ่มเข้ามาคือ การกำหนดให้มีการระบุ “ปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวัน” (Recommended Daily Allowance หรือ RDA) ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าการบริโภคอาหารนั้น ๆ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ “ป้ายกำกับแบบสี” (Traffic Light Labeling) ที่จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณไขมัน น้ำตาล และเกลือในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผ่านสีที่เข้าใจง่าย เช่น สีเขียว หมายถึง ปริมาณน้อย สีเหลือง หมายถึง ปริมาณปานกลาง และสีแดง หมายถึง ปริมาณมาก
ทำไมต้องใส่ใจฉลากโภชนาการ? การเข้าใจฉลากโภชนาการเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่าควรเลือกกินอะไรในแต่ละวัน การเลือกกินอาหารที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ หากเราเห็นว่าผลิตภัณฑ์ใดมีปริมาณน้ำตาลสูงหรือไขมันทรานส์เยอะ เราก็ควรหลีกเลี่ยง และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า
ประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในไม่ช้า ผู้ผลิตอาหารทุกเจ้าจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคทุกคน
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อเราอย่างไรบ้าง? การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้เรามีข้อมูลที่ถูกต้อง และสามารถวางแผนการกินได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความรับผิดชอบต่อผู้ผลิตให้ต้องใส่ใจในการจัดทำฉลากโภชนาการอย่างถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่ไปช้อปปิ้ง อย่าลืมสังเกตฉลากโภชนาการให้ดี ๆ นะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง
คุ้มค่าเมื่อสมัครสมาชิกแบบ 12 เดือนด้วยราคาสุดพิเศษ