การจัดเก็บน้ำมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของน้ำมัน หากเก็บรักษาน้ำมันผิดวิธี อาจทำให้น้ำมันเสียหายหรือนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ การเลือกสถานที่เก็บน้ำมันและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะมาบอกเคล็ดลับในการจัดเก็บน้ำมันให้ปลอดภัยและใช้งานได้นาน
- การจัดเก็บน้ำมันในถังที่เหมาะสม
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือภาชนะบรรจุน้ำมัน ต้องใช้ถังที่ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น ถังเหล็กหรือถังพลาสติกเกรดสูง เพื่อป้องกันการรั่วไหลและปฏิกิริยาทางเคมีที่อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ และต้องมั่นใจว่าถังถูกปิดแน่นหนา เพื่อไม่ให้น้ำมันสัมผัสกับอากาศที่อาจทำให้เสื่อมสภาพ
- การเลือกสถานที่เก็บน้ำมัน
ควรเลือกสถานที่ที่ห่างจากแหล่งความร้อนและไม่อยู่ใกล้กับวัตถุที่สามารถทำให้เกิดประกายไฟได้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เตา หรือแสงแดดโดยตรง การเก็บน้ำมันในที่เย็นและแห้งเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันการระเหยและการเสื่อมสภาพ
- ความปลอดภัยในการจัดการน้ำมัน
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยในการจัดเก็บน้ำมัน กฎหมายกำหนดให้สถานที่เก็บน้ำมันต้องมีเครื่องมือป้องกันอัคคีภัย เช่น ถังดับเพลิง และระบบระบายอากาศที่ดี นอกจากนี้ผู้จัดเก็บยังต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างเหมาะสม เช่น ถุงมือและแว่นตา
- กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บน้ำมัน
ตามกฎหมายการจัดเก็บน้ำมันในประเทศไทย มีข้อกำหนดเกี่ยวกับปริมาณการจัดเก็บ การขออนุญาต และมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องได้รับอนุญาตก่อนการจัดเก็บน้ำมันเกิน 200 ลิตร (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเว็บไซต์กองการน้ำมันเชื้อเพลิง)
- การจัดเก็บน้ำมันใช้แล้ว
น้ำมันใช้แล้วไม่ควรนำมาใช้ซ้ำหากไม่ได้ผ่านการกรองหรือบำบัด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย นอกจากนี้การทิ้งน้ำมันในที่ไม่เหมาะสมยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นควรจัดเก็บน้ำมันใช้แล้วในภาชนะที่ปิดสนิทและส่งไปยังศูนย์รับกำจัดน้ำมันอย่างถูกต้อง
การจัดเก็บน้ำมันอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ทำให้การใช้น้ำมันมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและปกป้องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย อย่าลืมปฏิบัติตามกฎระเบียบและใช้เครื่องมือความปลอดภัยให้ครบถ้วน
ดาวโหลด: กฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน พ.ศ. 2567