ในทางทฤษฎีและตามกฎหมายที่กำหนดในประเทศไทย, อุบัติเหตุที่เป็นอันตรายและสามารถทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้จะต้องรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่า “พ.ร.บ. ความรับผิดต่อบุคคลต่าง ๆ ในการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522” ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับความรับผิดต่อบุคคลในการขนส่งทางบกในกรณีอุบัติเหตุ.
อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานเป็นเหตุให้นายจ้างต้องดำเนินการตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น
- พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 34 กำหนดให้นายจ้างต้องแจ้งอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานต่อพนักงานตรวจความปลอดภัยภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุ
- พระราชบัญญัติกองทุนทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 21 กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้ประสบเหตุจากอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เป็นอันตรายและเกิดความเสียหายต่อชีวิต หรือทรัพย์สิน หรือเมื่อมีบาดเจ็บที่ต้องลางาน นายจ้างหรือเจ้าของรถต้องทำการรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ โดยมีหน้าที่ตามมาตรา 34 และมีลักษณะความเสียหายดังนี้:
- มีการบาดเจ็บและต้องลางาน: หากมีการบาดเจ็บและต้องลางานตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป, นายจ้างต้องแจ้งคำร้องเรียกร้องจากผู้ให้ประกันภัยภายใน 7 วันนับจากวันที่เกิดเหตุ.
- มีการบาดเจ็บและต้องลางานน้อยกว่า 4 วัน: นายจ้างต้องแจ้งคำร้องเรียกร้องจากผู้ให้ประกันภัยภายใน 30 วันนับจากวันที่เกิดเหตุ.
- ไม่มีบาดเจ็บแต่มีเสียหายทรัพย์สิน: นายจ้างต้องแจ้งคำร้องเรียกร้องจากผู้ให้ประกันภัยภายใน 7 วันนับจากวันที่เกิดเหตุ.
คำนิยามนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนว่าผู้ประสบเหตุต้องหยุดงานนานเท่าใด แต่ยึดเอาหลักการที่ว่า ผู้ประสบเหตุไม่สามารถมาปฏิบัติงานได้ในวันปฏิบัติงานถัดไปหรือในกะถัดไป ในกรณีนี้ พนักงานตรวจความปลอดภัยของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้ประสบเหตุเข้าข่ายเป็นอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานหรือไม่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของบาดแผล ระยะเวลาที่คาดว่าจะพักรักษาตัว เป็นต้น
นอกจากนี้ อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานยังเป็นข้อมูลสำคัญที่นายจ้างสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและปรับปรุงมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในการทำงานต่อไป